สวัสดีครับ วันนี้ผมขอพูดเรื่องแนวทางการทำธุรกิจส่งออกนะครับ จากที่เคยเห็นมามีหลายแบบมากครับ ขึ้นอยู่กับ Business Model ของท่านว่าจะถนัดแบบไหน ชอบแบบไหน หรือมีกำลังคนกำลังเงินมากน้อยแค่ไหน ลองดูแนวทางต่างๆ กันเลยนะครับ
1. ผลิตเอง ส่งออกเอง
แนวทางนี้คือการที่บริษัทเราทำเองทุกอย่างตั้งแต่การผลิต การขายรวมถึงการทำการตลาดในต่างประเทศ ผู้ที่ทำแนวทางคือธุรกิจส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในตลาดไทยแล้วต้องการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ มีกำลังการผลิตพร้อม มีหน่วยงานที่จะทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งออกโดยเฉพาะ สำหรับ SME บางรายอาจะเคยทำลักษณะนี้แต่สุดท้ายแล้วทำไม่ไหวก็จะลดลงมาเหลือแค่ผู้ผลิต รับจ้างผลิตให้ผู้ส่งออกอีกที
2. ส่งออกสินค้าแบรนด์ตัวเอง
การเป็นเจ้าของแบรนด์ส่งออก คือหนึ่งในสินทรัพย์ที่ดีที่สุดที่เทรดเดอร์ควรมี ผู้ทำธุรกิจนี้สร้างสินค้าเอง สร้างแบรนด์เอง หาช่องทางจัดจำหน่ายเอง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับการตลาดและการขายเอง เหลือแค่การผลิตที่ตัวเองไม่ชำนาญไปรับจ้างผลิตแทน ผู้ทำแนวนี้ต้องหาโรงงานที่ดีให้เจอ และต้องลงทุนสูงกับการสร้างแบรนด์
3. ตัวแทนจำหน่าย
การเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว คือการที่ผู้ส่งออกหรือเทรดเดอร์เซ็นต์สัญญาเป็นผู้จัดจำหน่ายทุกอย่างแก่ผู้ผลิตในตลาดต่างประเทศ โดยใช้แบรนด์ของผู้ผลิต เพียงแต่ในตลาดนั้นๆ ผู้ผลิตจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น การทำธุรกิจแบบนี้ผู้ผลิตชอบมากเพราะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวเรื่องจุกจิก จึงให้บริษัทเทรดดิ้งรายเดียวจัดการไปเลย โดยปกติจะให้ 1 ประเทศ 1 บริษัท เพื่อป้องกันปัญหาการแข่งกันเอง
4. ผู้นำเข้ารายย่อย
คือการไม่ผูกมัดกับผู้ผลิตหรือลูกค้าใดๆ ทั้งสิ้น เทรดเดอร์มีหน้าที่หาออเดอร์ เมื่อได้ออเดอร์ก็มาสั่งโรงงานผลิต แล้วก็ส่งมอบให้ลูกค้า การทำธุรกิจแบบนี้เหมาะสำหรับนักธุรกิจส่งออกมือใหม่ ที่ยังไม่มีเครดิตมากพอ หรือยังไม่เชี่ยวชาญในตลาดหรือสินค้ามากพอ ส่วนข้อเสียคือมีคู่แข่งเยอะ เพราะใครๆ ก็ขายได้เหมือนกับเรา
5. รับจ้างหาสินค้านำเข้า
มีบริษัทต่างประเทศหลายแห่งต้องการสินค้าจากไทยหลายชนิดรวมๆ กัน แต่ไม่มีกำลังพอที่จะมาหาสินค้าด้วยตัวเอง จึงแต่งตั้งผู้แทนจัดซื้อในประเทศแหล่งสินค้านั้นๆ เพื่อจัดซิ้อสินค้าตามที่ต้องการ รวมตู้แล้วจัดส่ง ส่วนใหญ่เป็นการรวมสินค้าหลายๆ ชนิดมากกว่าชนิดเดียว ผมเคยเจอบริษัทจากฮ่องกงแห่งหนึ่ง ต้องการให้ผมเป็น sourcing agent ให้กับเขา โดยให้ลิสต์สินค้ามา เชื่อมั้ยครับ เค้ารู้จักสินค้าไทยดีกว่าคนไทยรู้จักซะอีก
6. ตัวกลางหาสินค้ารวมตู้
คือการเป็นตัวกลางในการหาสินค้า งานของเราไม่มีอะไรเลยนอกจากการหาผู้ซื้อและผู้ผลิตให้มารู้จักกัน เหมือน match maker และเราก็จะรับค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายนั้นๆ ข้อดีคือไม่ต้องเสี่ยง ส่วนข้อเสียคือสมัยนี้การหาแหล่งสินค้าทำได้ง่ายขึ้น จึงไม่ค่อยจำเป็นต้องพึ่งพาโบรกเกอร์ลักษณะนี้เท่าไหร่ แต่อาจจะมีบางแห่งที่ผู้ผลิตยังไม่ต้องการทำตลาดมากนัก
ลองดูแต่ละโมเดลนะครับว่าท่านถนัดสนใจแบบไหน เราไม่ต้องทำหมดทุกอย่างนะครับ เพราะมันจะทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่มีจุดเด่นอะไรไปสู้เขาได้